Blood Sweat & Tears [JinKook]


Blood Sweat & Tears

Bangtan Weekend #5 Liquid

Jin x Jungkook



เลือดของเจ้าช่างแสนหวาน

เหงื่อของเจ้ายังหอมหวน

แม้แต่น้ำตาของเจ้าก็ยังน่ามอง



คฤหาสน์หลังใหญ่พร้อมที่โล่งรอบข้างกลางป่าทึบสว่างไสวจากแสงตะเกียงที่ตั้งอยู่โดยรอบ รวมถึงภายในก็ยังมีแสงเล็ดลอดออกมาเพราะคนที่อยู่ด้านในยังไม่หลับใหล เงาวูบไหวบ่งบอกว่ายังคงมีคนเดินไปมาอยู่แม้จะเป็นเวลาดึกมากแล้ว ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตนเอง เหล่าคนรับใช้ที่ห้องโถงกำลังปัดกวาดเช็ดถู ส่วนคนที่อยู่บริเวณสวนภายนอกก็กำลังรดน้ำต้นไม้และดอกไม้ที่แย้มบานผิดเวล่ำเวลากับที่อื่น ทุกสิ่งที่นี่ดูใช้เวลาชีวิตตรงข้ามกับโลกภายนอกอย่างสิ้นเชิง


ที่แห่งนี้ไม่มีอะไรหลับใหลในตอนกลางคืน


แต่จะพูดอย่างนั้นก็คงไม่ถูกทั้งหมด ยังมีอยู่อีกคนที่งอแงไม่ยอมตื่นมาใช้ชีวิตเวลานี้ ผิดกับทุกคนในคฤหาสน์ที่ต่างลุกขึ้นมาจากที่นอน และนั่นก็ไม่ใช่ความผิดของเขาอีกเช่นกัน


เพราะเขาคือคนปกติเพียงคนเดียวในคฤหาสน์หลังนี้


ร่างเล็กนอนขดอยู่ในผ้าห่มผืนใหญ่บนเตียงกว้าง พยายามมุดหลบแสงสว่างจากโคมไฟคริสตัลกลางห้องนอนเพื่อที่ตัวเองจะได้นอนหลับสนิท แต่แสงรอบข้างรวมถึงเสียงคนที่เคลื่อนไหวอยู่ในห้องรบกวนไม่ให้เขาได้หลับอย่างสบาย เขายังคงง่วงอยู่แม้ว่าวันนี้จะนอนมาแล้วทั้งวันก็ตาม เพราะนี่คือเวลานอนปกติที่เขาควรได้พักผ่อน

“ถ้าเจ้าไม่ยอมลุกข้าจะทำให้เจ้าลุกไม่ได้ไปอีกสองวัน” เสียงจากมุมหนึ่งของห้องทำให้ร่างที่อยู่ใต้ผ้าห่มเด้งตัวขึ้นมาราวกับกดเปิดสวิตช์ทำให้คนพูดกระตุกยิ้มอย่างพอใจ

“ถ้าท่านทำแบบนั้นข้าอาจตายก็ได้” น้ำเสียงงัวเงียพูดตอบพลางขยี้ตา

“คราวที่แล้วเจ้าก็ไม่ตายนี่?” น้ำเสียงทุ้มเอ่ยขึ้นที่ข้างหู ใกล้ชิดจนขนอ่อนลุกชูชันและมีสติขึ้นมาทันที เพราะการเคลื่อนไหวที่ว่องไวจึงทำให้คนที่อยู่อีกฝั่งของห้องเคลื่อนที่มาที่เตียงได้อย่างรวดเร็ว

“ข้าไม่มีทางทำให้เจ้าตายหรอก จองกุก” ร่างสูงกระซิบ จมูกโด่งคลอเคลียอยู่ที่ลำคอขาว “ข้าจะยอมเสียอาหารของตัวเองไปได้ยังไง” เขาว่าแล้วกดจูบที่ลำคอของอีกคน ริมฝีปากเย็นเฉียบทำให้คนถูกสัมผัสสะดุ้งทันที
“ถ้าท่านเผลอดื่มเลือดข้าเยอะกว่าคราวนั้นข้าก็ตายแน่ ท่านซอกจิน


พวกเขาหลับในตอนกลางวัน

ตื่นในตอนกลางคืน

ผิวหนังเย็นเฉียบ

และดื่มเลือดเป็นอาหาร

ใช่ คนพวกนั้นคือสิ่งมีชีวิตที่คนทั่วไปเรียกกันว่าแวมไพร์


“ก็เลือดเจ้าหวาน มันทำให้ข้าอดใจไม่ไหวอยู่เรื่อย” เขาจับไหล่ให้อีกคนหันมาเผชิญหน้ากันแล้วกดจูบที่ริมฝีปากเป็นการทักทายหลังตื่นนอน

“เดี๋ยวลูกๆก็หิวแล้ว เจ้าต้องรีบหน่อย ข้าไม่อยากให้พวกเขารอนาน” ว่าแล้วร่างสูงก็ลุกออกไป เมื่อได้ยินดังนั้นจองกุกก็รีบจัดการตัวเองก่อนจะลงไปที่ด้านล่างทันที

“แอนนา เด็กๆลงมารึยัง?” เสียงใสถามแม่บ้านอาวุโสที่กำลังตะเตรียมอาหารในครัวเมื่อลงมาถึง เขาวิ่งเช็คนู่นเช็คนี่ไปเช่นเดียวกับคนอื่นๆที่กำลังทำหน้าที่กันหัวหมุน

“ยังค่ะคุณจองกุก แต่อีกเดี๋ยวก็คงมาแล้ว อาหารของเด็กๆเรียบร้อยหมดแล้วค่ะ” เธอตอบ จองกุกพยักหน้าไปมาพลางหันมองโต๊ะอาหารด้านนอกที่จัดเตรียมเอาไว้พร้อมสำหรับมืออาหารแล้ว

“ดี.. ข้าไม่อยากให้มีอะไรผิดพลาดเกิดขึ้น”








ผ่านไปครู่เดียวกลุ่มบุคคลที่ถูกพูดถึงก็พากันลงมาจากห้องด้านบน เด็กน้อยสามคนวัยกำลังซุกซนวิ่งรี่มาที่ห้องอาหารก่อนจะโถมตัวเข้าใส่คนโตกว่าที่ยืนรออยู่ด้านหน้า

“โอ๊ย! เบาๆสิครับ พี่จองกุกเจ็บนะ” เขาโอดครวญ เกือบล้มลงกับเพื่อนเพราะเด็กพวกนี้เรี่ยวแรงเยอะเหลือเกิน

เพราะพวกเขาก็เป็นทายาทของอมนุษย์สายพันธุ์เดียวกันกับคนอื่นๆในคฤหาสน์

“ทำไมจองกุกอ่อนแอจัง ตัวก็โตแล้ว” หนึ่งในเด็กสามคนพูดขึ้น ทำเอาจองกุกหน้าชาไปทันที


ก็เขาไม่ใช่สายพันธุ์อมตะนี่ถึงจะได้แข็งแรงเหมือนคนอื่นๆ!


“คาลวิน ไม่ว่าจองกุกนะ มันไม่ดี” เสียงทุ้มดูมีอำนาจของเจ้าของบ้านดังขึ้นทำให้ทุกอย่างกลับมาเรียบร้อยในทันที เมื่อเด็กๆเห็นผู้มาใหม่ก็เปลี่ยนเป้าหมายเป็นร่างสูงของซอกจินทันที จองกุกถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ในที่สุดก็เป็นอิสระเสียที

“ถ้าจองกุกน้อยใจแล้วไม่อยู่ด้วยจะมาเสียใจไม่ได้นะ” เขาว่าแล้วลูบศีรษะของทุกคนที่เข้ามาพันแข้งพันขาเหมือนฝูงแมวตัวน้อยๆที่มาอ้อน ได้ยินแบบนั้นเด็กน้อยก็ทำเสียงหงุงหงิงงอแงกันทันที

“ก็จองกุกไม่มีแรงเลยนี่นา แค่วิ่งไปกอดก็ทำท่าจะล้มแล้ว ไม่เหมือนท่านพ่อเลย เล่นแรงแค่ไหนก็ไม่ล้ม ท่านพ่อแข็งแรงกว่าตั้งเยอะ” เด็กอีกคนพูด

“จองกุกไม่เหมือนเรานะฟิลิปส์ เวลาเล่นให้เล่นเบาๆหน่อย”

“เห็นมั้ย บอกแล้วว่าให้เล่นกับจองกุกเบาๆ”

“เจ้าก็เล่นแรงเหมือนกันแดวอน!

“เอาล่ะเด็กๆมาทานอาหารกันดีกว่า พี่จองกุกไม่ว่าอะไรหรอก มาเร็ว” คนที่เป็นหัวข้อสนทนาห้ามศึกของเด็กๆด้วยการปรบมือเรียกความสนใจสองสามที แล้วดึงร่างน้อยๆออกจากผู้ที่พวกเขาเรียกกันว่าพ่อให้มานั่งประจำที่ของแต่ละคนบนโต๊ะอาหารแล้วจึงลงมือรับประทานกันสักที

อาหารของพวกเด็กๆดูธรรมดาเหมือนอาหารมนุษย์ทั่วไป หากแต่ซอสที่ใช้เป็นเครื่องเคียงนั้นกลับมีของเหลวบางอย่างเป็นวัตถุดิบหลักให้เด็กๆทานคู่กับอาหารทุกมื้อ


ของเหลวที่เป็นอาหารหลักของแวมไพร์นั่นเอง


จองกุกคอยมองเด็กๆแต่ละคนให้ทานอาหารกันอย่างเรียบร้อย มีบ้างที่ต้องคอยเช็ดปากให้คนที่กินเลอะเทอะทั้งคนที่นั่งอยู่ข้างกันและอีกสองคนที่นั่งตรงข้าม โดยมีซอกจินคอยช่วยบ้างตามประสาคนเป็นพ่อ ก่อนคนที่นั่งหัวโต๊ะจะขมวดคิ้วเพราะได้ยินเสียงแปลกๆจากคนที่นั่งอยู่ทางขวามือของตัวเอง

เสียงท้องของจองกุกที่ร้องเบาๆแม้แต่เจ้าตัวก็คงไม่รู้สึก

ด้วยประสาทที่ไวกว่ามนุษย์ทุกอย่างทำให้ซอกจินรับรู้ถึงความผิดปกติอย่างง่ายดาย ผิดกับเจ้าตัวที่ตอนนี้กำลังเพลิดเพลินกับการเลี้ยงเด็กอมตะที่กำลังวุ่นวายบนโต๊ะอาหาร

“แอนนา” เขาหันไปหาแม่บ้านที่ยืนอยู่ข้างหลังใกล้กับประตูครัว “อาหารของจองกุกล่ะ?”

“โอ้ตายแล้ว! ข้าลืมสนิทเลย ขอโทษเจ้าค่ะท่านซอกจิน” เธอร้องออกมาแล้วเบิกตาอย่างตกใจเมื่อถูกทัก ดูสติแตกทันทีเมื่อถูกสายตาดุๆของเจ้านายมองอย่างไม่พอใจ

“บ้านเราก็มีคนนะ” เขาหมายถึงบ้านหลังนี้ไม่ได้มีแค่แวมไพร์

“ขอโทษจริงๆเจ้าค่ะ คุณจองกุกรอซักครู่นะคะเดี๋ยวข้าไปทำมาให้”

“ข้ายังไม่ค่อยหิวเท่าไหร่หรอก ไม่เป็นไร” จองกุกยิ้มให้ก่อนร่างของแม่บ้านจะหายแวบเข้าไปในครัวอย่างรวดเร็ว

“ยังไม่ค่อยหิวอะไรล่ะ ท้องเจ้าร้องแล้ว” ซอกจินบอกอีกคน

“หูท่านดีจริง ข้ายังไม่ได้ยินเสียงท้องตัวเองเลย”

“ข้าได้ยินแม้กระทั่งเสียงลมหายใจของเจ้ายามหลับอยู่บนห้อง”

“....”

“เสียงหัวใจของเจ้าเต้น เสียงเลือดของเจ้าสูบฉีด..” จองกุกหันมองอีกคนที่มองมาก่อนแล้ว ดวงตาคมฉายแววกระหายอย่างปิดไม่มิดจ้องมองมาที่เขาทำเอาหน้าร้อนผ่าว

“แต่ตอนนี้หัวใจของเจ้าเต้นแรงมากจนคนปกติก็อาจได้ยินเช่นกัน”

“ท่านซอกจิน เด็กๆยังอยู่ตรงนี้นะ” จองกุกเตือนสติ แม้จะรู้สึกอย่างที่อีกคนพูดจริงๆแต่ก็พยายามไม่แสดงอาการออกมามาก ซอกจินกระตุกยิ้มน้อยๆแล้วหันไปเช็ดปากให้คาลวินที่ทานอาหารเลอะอีกแล้ว

“หึ” เขาหัวเราะเบาๆให้คนที่แทบจะเก็บอาการเขินเพราะถูกจับได้เอาไว้ไม่มิด








มื้ออาหารเสร็จสิ้นลง และจองกุกก็พาเด็กๆกลับไปที่ห้องพร้อมกับใช้เวลาอยู่กับพวกเขาอีกสองสามชั่วโมง ทั้งสอนหนังสือ สอนเล่นเกม ก่อนจะเล่านิทานก่อนนอนให้ฟัง เด็กๆหลับไปในเวลาเช้ามืด ในขณะที่จองกุกก็เริ่มง่วงเช่นกัน แต่ท้องกลับร้องขึ้นมาอีกครั้งเพราะเวลาทำงานปกติของมันคือเวลานี้ แถมอาหารที่ทานไปเมื่อตอนเย็นก็ย่อยหมดไปตั้งแต่สองชั่วโมงหลังทานเสร็จ แล้วยังต้องใช้พลังงานไปกับเด็กวัยกำลังซนและการเก็บของในห้องให้เรียบร้อยเหมือนเดิม


มนุษย์คนเดียวเลี้ยงสายพันธุ์พิเศษสามคนก็ย่อมเหนื่อยมากเป็นธรรมดา


เขากลับมาที่ห้องของตนเอง แต่จริงๆต้องบอกว่าเป็นห้องของซอกจินและตนเองจึงจะถูกที่สุด ร่างบางขยับคอเล็กน้อยแล้วยืดเส้นยืดสายหลังจากเข้ามาในห้อง

“อ๊ะ! อื้อ! ท่านซอกจิน..” จองกุกสะดุ้งโหยงเมื่อเจ้าของห้องตัวจริงพุ่งเข้ามากอดรัดอย่างรวดเร็ว จมูกโด่งชิงหอมแก้มของเขาฟอดใหญ่ก่อนจะเกยคางลงบนไหล่แล้วเอ่ยถามเสียงนุ่ม

“เหนื่อยมั้ย?”

“ก็นิดหน่อย.. แต่สนุกดี” จองกุกยิ้มบาง ซอกจินเลิกคิ้วก่อนจะกระชับกอดให้แน่นขึ้นอีก

“นิดหน่อยเหรอ.. ร่างกายเจ้าไม่ได้บอกแบบนั้นนะ” จองกุกหัวใจเต้นรัวขึ้นเมื่ออีกฝ่ายพูดแบบนั้น ร่างสูงหันหน้าเข้าหาลำคอระหงแล้วสูดกลิ่นกายของคนในอ้อมกอดเข้าไปทำเอาคนถูกกอดรู้สึกจั๊กจี้ขึ้นมา

“เหงื่อออกเยอะขนาดนี้ เลือดก็สูบฉีดแรง ยังจะโกหกว่าเหนื่อยนิดหน่อยอีก”

“ก็เพราะข้ามีความสุขไงมันเลยเป็นเรื่องเล็กน้อย ไม่ใช่ข้าแล้วใครจะทำล่ะ” จองกุกหันไปสบดวงตาคม ซอกจินมองมาด้วยสายตาที่เขาไม่ค่อยเข้าใจก่อนจะหลบสายตาไปก่อน

“..ถ้าไม่มีเจ้าทุกอย่างคงไม่เรียบร้อยแบบนี้” เขาว่าเสียงอ่อนแล้วหลับตาลง ซบใบหน้าลงกับไหล่เล็กอย่างออดอ้อนทำให้จองกุกเผยยิ้มออกมาอีกครั้ง

“เพราะมีเจ้า... พวกเราถึงยังอยู่รอดจนถึงตอนนี้” น้ำเสียงเหนื่อยปนเศร้าทำให้จองกุกรู้สึกแปลกใจ เขาหันไปเผชิญหน้ากับคนอายุมากกว่าแล้วเลิกคิ้วอย่างสงสัย

“นายท่านของข้าไม่ได้แสดงท่าทางเหน็ดเหนื่อยแบบนี้ให้เห็นมานานมากแล้วนะ อยู่ๆทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะ?” จองกุกถาม แต่แทนที่ซอกจินจะตอบเขากลับแสดงสีหน้าไม่พอใจออกมา

“อย่าเรียกข้าว่านายท่าน ข้าไม่ใช่นายของเจ้า”

“...”

“ข้าคือคนที่พบเจ้าในวันแสนโหดร้ายทั้งของเจ้าและของข้าเอง คนที่ได้เห็นทั้งเลือด หยาดเหงื่อ และน้ำตาของเจ้า..”

“..หยาดเหงื่อ และน้ำตาของข้า” ทั้งสองเสียงพูดประสานกัน

“เจ้าช่างสวยงาม... ถ้าไม่มีเจ้า ทุกอย่างอาจจะจบลงในวันนั้น คงไม่มีใครในบ้านหลังนี้อีกในวันนี้ ขอบคุณ.. ที่เจ้าทุ่มเทให้กับเรา” ซอกจินสบตา “ยอมเสี่ยงชีวิตเข้ามาช่วยเหลือสิ่งมีชีวิตที่เป็นภัยต่อตัวเจ้าเอง”

จองกุกเผยยิ้มออกมาเมื่ออีกฝ่ายพูดถึงความเก่ายามที่พวกเขาพบกันในครั้งแรก แม้มันจะไม่ใช่ความทรงจำที่ดีนักแต่ก็เป็นจุดเริ่มต้นของความทรงจำดีๆในวันนี้ เขาใช้สองมือประคองใบหน้าหล่อเหลาแล้วบรรจงจุมพิตที่ริมฝีปากเย็นเฉียบอย่างเอาใจ

“เจ้าเติมพลังให้กับข้า ทำให้ข้าขาดเจ้าไม่ได้ เจ้าต่างหาก... ที่เป็นนายของข้า” ซอกจินยิ้มให้อีกคนก่อนจะก้มลงจูบริมฝีปากแดงสวยตรงหน้า เมื่อได้รับจูบตอบจึงขบเม้มเบาๆเป็นการขออนุญาตก่อนแทรกเรียวลิ้นเข้าไปชิมความหวานในโพรงปากอุ่นที่เขาเคยสัมผัสมานับครั้งไม่ถ้วน

จองกุกรั้งท้ายทอยของอีกคนเข้ามาให้รับจูบจากตนเองได้ถนัดถนี่ยิ่งขึ้น กลับกลายเป็นเขาที่เป็นฝ่ายรุกเข้าหาร่างสูงเสียเอง อุณหภูมิรอบข้างเพิ่มสูงขึ้นแม้จะยังเป็นเวลาเช้ามืด หรือแม้แต่ซอกจินเองที่ผิวกายเย็นเฉียบตามธรรมชาติยังรู้สึกว่าร่างกายร้อนรุ่มขึ้นมาเมื่อจองกุกเป็นฝ่ายมอบสัมผัสให้เขาเอง แต่ปล่อยให้อีกฝ่ายคุมเกมได้ไม่นานก็ผละออกแล้วซุกไซร้ที่ลำคอขาวจนร่างเล็กแทบอ่อนระทวย เหงื่อกาฬซึมออกมาตามไรผม น้ำตาเอ่อคลอเพราะแรงอารมณ์ถูกอีกคนปลุกปั่น ซอกจินใช้เรี่ยวแรงมหาศาลที่มีช้อนร่างจองกุกจนลอยหวือแล้วพามาวางลงที่เตียงอย่างรวดเร็ว

“ทำไมถึงได้หอมไปทั้งตัวแบบนี้” เขาเกลี่ยปอยผมที่ปรกใบหน้าหวานออก แต่จองกุกทำได้เพียงแค่หอบหายใจเป็นคำตอบเท่านั้น ร่างสูงขยับมาคร่อมเขาเอาไว้ก่อนจะสบสายตาฉ่ำน้ำนั้น

“ทั้งกลิ่นเลือด กลิ่นเหงื่อเจ้า หรือแม้แต่น้ำตา ต่างทำให้ข้าคลั่งได้ทั้งนั้น” ซอกจินว่า นิ้วเย็นลากผ่านลำคอไปตามรอยเส้นเสือดที่รับรู้เอาได้จากการสัมผัส ก่อนจะก้มลงกระซิบเสียงพร่าที่ข้างหู

“ข้าหิวแล้ว...” จองกุกเผลอกลืนน้ำลายลงคอเมื่ออีกฝ่ายพูดจบ เขารู้ดีว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป

“และข้าก็ต้องการเจ้ามากกว่าสิ่งใด”

“ฮึก..” คมเขี้ยวฝังลงที่ลำคอขาว ก่อนของเหลวสีสดกลิ่นคาวจะไหลออกมาตามปากแผล แต่ร่างด้านบนก็ดื่มกินจนหมดไม่ปล่อยให้หยดลงบนพื้นเตียงให้น่าเสียดาย จองกุกจิกเล็บลงกับไหล่กว้างเพื่อระบายความเจ็บเช่นเดียวกับน้ำตาที่ไหลออกมา สีหน้าทรมานแต่ภายในใจนั้นกลับมีความสุขจนไม่สามารถปฏิเสธความเจ็บปวดนี้ได้

สักพักซอกจินก็ถอนคมเขี้ยวออก แลบเลียแผลลึกให้เลือดหยุดไหลซึ่งใช้เวลาพอสมควรจนจองกุกแทบไม่มีสติ เพราะเรียวลิ้นชื้นลากไปมาทั่วลำคอไม่ได้อยู่เพียงแค่ปากแผลแม้เลือดจะหยุดแล้ว ก่อนซอกจินจะผละออกมามองหน้าคนใต้ร่าง ไล้นิ้วโป้งเกลี่ยน้ำใสจากหางตาอีกคนออกเบาๆ

“ถึงจะอิ่มแล้วข้าก็ยังต้องการเจ้าอยู่เลย ทำยังไงดีล่ะ” เขาถามสีหน้าทะเล้นให้จองกุกได้ยิ้มออกมา

“กลิ่นกายเจ้าเมื่อกี้มันยังไม่พอให้ข้ารู้สึกถึงเจ้าเท่าที่อยากเลย”

“งั้นท่านอยากได้มันเท่าไหร่ล่ะ?” ร่างเล็กถาม

“ไม่ว่าจะเลือด หยาดเหงื่อ หรือน้ำตาของข้า...”

“...”

“ให้ท่านเป็นผู้ครอบครองแต่เพียงผู้เดียว”

สิ้นคำพูดที่เป็นการอนุญาตซอกจินก็ประกบจูบคนใต้ร่างทันที ความเย็นของร่างกายแกร่งนั้นเป็นคนละเรื่องกับความร้อนแรงของอารมณ์ที่ส่งผ่านจูบโดยสิ้นเชิง ราวกับเรี่ยวแรงมหาศาลที่มีถูกนำมาใช้กับจูบนี้จนเจ้าตัวนึกกลัวขึ้นมาว่าจะรุนแรงกับร่างบางข้างใต้เกินไปรึเปล่า จองกุกทุบอกกว้างประท้วงเมื่อเริ่มจะหายใจไม่ออกทำให้เขาต้องละจูบออกมาอย่างเสียดาย แต่ก็เป็นคนใต้ร่างที่รั้งให้เขาเข้ามาจูบอีกครั้งก่อนเลื่อนมาขบเม้มช่วงสันกรามเบาๆอย่างเอาใจ

ซอกจินใช้ช่วงเวลาที่อีกคนกำลังเพลิดเพลินกับการชิมใบหน้าของเขาออกมาปลดกระดุมเสื้อแขนยาวสีขาวของร่างเล็ก แทบจะฉีกมันออกจากกันด้วยความใจร้อนแต่ก็เกรงจะทำให้จองกุกกลัวจึงแหวกมันออกอย่างรวดเร็วแทน
“อ๊า..” ริมฝีปากครอบครองยอดอกสีหวานทำให้จองกุกสะดุ้ง ความเย็นจากริมฝีปากและลิ้นที่แลบเลียทำให้เผลอแอ่นอกรับสัมผัสอย่างห้ามร่างกายเอาไว้ไม่อยู่

ซอกจินขบเม้มเบาๆที่ติ่งไตทั้งสองข้าง ก่อนเลื่อนมาพรมจูบตามหน้าอก ไหปลาร้า แล้วเลื่อนลงไปที่หน้าท้องอีกครั้ง ลากเรียวลิ้นผ่านแทบทุกส่วนของร่างกายจนมาถึงท้องน้อย ทำเอาจองกุกเผลอแขม่วท้องเพราะความเสียวทันที ซอกจินยันตัวขึ้นแล้วดึงมือให้อีกคนลุกขึ้นมาตาม

“ถอดเสื้อให้ข้าหน่อย” เขาว่า จองกุกเอื้อมมือไปปลดกระดุมเสื้อแขนยาวสีดำอย่างว่าง่าย วางมือทั้งสองลงที่หน้าท้องแกร่งแล้วค่อยๆเลื่อนขึ้นไปจนถึงแผ่นอกพร้อมแหวกสาบเสื้อออกช้าๆ ก่อนจะดึงมันออกจากร่างกายอีกคนแล้วถอดเสื้อของตัวเองที่กองอยู่ที่ข้อศอกออกไปด้วย

“เด็กดี” ซอกจินก้มลงจูบกลีบปากแดงแรงๆก่อนดันให้อีกคนนอนราบ เลื่อนมือมาปลดกระดุมกางเกงทีอีกคนสวมใส่แล้วยกสะโพกมนขึ้นเล็กน้อยก่อนดึงให้กางเกงหลุดออกมา ร่างกายขาวนวลเนียนที่เหลือปราการเพียงชิ้นเดียวปรากฏสู่สายตาทำให้ซอกจินยิ่งอยากจะครอบครองมากขึ้นไปอีก

“อื้อ.. อ่ะ” ฝ่ามือล้วงเข้าไปในชั้นในตัวบางแล้วเริ่มปรนเปรส่วนอ่อนไหวที่ซ่อนอยู่ สีหน้าทรมานของจองกุกทำให้คนมองยิ่งรู้สึกมีอารมณ์มากขึ้นแล้วเร่งจังหวะขยับรูดรั้งให้เร็วขึ้นกว่าเดิม

“อ๊ะ.. ท่าน.. อื้ม ท่านซอกจิน” เสียงเรียกชื่อขาดห้วงเพราะแรงอารมณ์ ร่างกายเหยียดเกร็ง เส้นผมกระจายบนหมอนพร้อมกับฝ่ามือที่กำผ้าปูที่นอนยับยู่ยี่ทำให้ซอกจินทนไม่ไหวอีกต่อไป ปราการชิ้นสุดท้ายถูกถอดออกพร้อมเรียวนิ้วอีกมือที่แทรกเข้าไปในช่องทางด้านหลังก่อนจะขยับเข้าออก

“ฮึก.. ร.. เร็วอีก”

“เห็นข้าพูดว่าเป็นนายก็สั่งข้าใหญ่เลยนะ จองกุก..” แม้จะพูดแบบนั้นแต่กลับเร่งจังหวะปรนเปรออีกคนทั้งด้านหน้าและด้านหลังตามที่ถูกสั่ง เรียวขาเผลอแยกออกจากกันเอื้อให้ซอกจินแทรกกายเข้าไปได้สะดวก ก่อนมือทั้งสองจะหยุดทำหน้าที่ของมันเพื่อมาถอดกางเกงของตัวเอง

“ฮื่อ ท่าน.. ซอกจิน” จองกุกประท้วง ความวูบโหวงเข้ามาแทนที่ความเสียวซ่านเมื่อเรียวนิ้วถูกถอนออกแต่ซอกจินกลับมอบสิ่งที่เติมเต็มได้มากกว่านิ้วให้กับจองกุก

“อ๊า!” เขาแทรกกายเข้าไปได้ในทีเดียวจนจองกุกเผลอร้องออกมา แต่ในเมื่อนี่ไม่ใช่ครั้งแรกของพวกเขามันจึงไม่เจ็บปวดเท่าไหร่ เพียงแต่แรงของแวมไพร์ต่างหากที่จะทำให้รู้สึกเจ็บมากกว่าปกติ

“อือ.. อ๊ะ” ซอกจินเริ่มขยับเข้าออกช้าๆเพื่อให้อีกคนได้ปรับตัว มอบจูบอ่อนโยนให้เป็นการปลอบและหลอกล่อ เมื่อเสียงครางของอีกคนเริ่มเปลี่ยนจากอึดอัดเป็นสุขสมเขาจึงเริ่มเร่งจังหวะให้เร็วขึ้น เสียงเนื้อกระทบเนื้อ เสียงเตียงกระทบผนัง หรือแม้แต่เสียงครางก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกอายแต่อย่างใด

“อ่ะ ตรง.. ตรงนั้น”

“ตรงไหนเหรอ? อืม..”

“ฮื่อ! อ่ะ.. ตรงนั้น อ๊ะ!!” ซอกจินกดกระแทกย้ำๆตรงจุดที่อีกคนบอกทำให้จองกุกหลุดครางออกมาเสียงดังเพราะความกระสัน ซอกจินเองก็คำรามเสียงกดต่ำในลำคอเพราะการตอดรัดจากการเข้าตรงจุดก็ทำให้เขามีความสุขมากเช่นกัน

“อืม.. จองกุก จะให้ข้าคลั่งตายซักวันให้ได้ใช่มั้ย?”

“อ๊ะ! อ๊ะ! อ๊า!” ซอกจินเร่งจังหวะกระแทกเข้าไปถี่รัวจนจองกุกร้องออกมาไม่เป็นภาษา ขยับมือรูดรั้งส่วนกลางลำตัวของอีกคนเพื่อช่วยให้อีกคนได้เข้าใกล้ฝั่งฝันไปด้วยกัน

“อื้ม! อื้ม! แบบนั้น ฮะ!..”

ข้ารักเจ้า” ซอกจินโน้มตัวลงกระซิบที่ข้างหู ในขณะที่ท่อนล่างยังคงกระแทกกระทั้นเข้าหาร่างกายอีกคน

ข้ารักเจ้ามาก จองกุก

“อื้ม! อ๊า!!” ร่างเล็กโผกอดซอกจินแล้วปลดปล่อยออกมาเต็มฝ่ามือพร้อมกับซอกจินที่ปลดปล่อยออกมาเต็มช่องทางรักของอีกคนเช่นกัน เขาขยับอีกสองสามทีก่อนจะถอนแก่นกายออกจากร่างกายของอีกคน เสียงหอบหายใจดังอยู่ข้างหูพวกเขาทั้งคู่ขณะที่จองกุกซบหน้าบนไหล่กว้างอย่างเหนื่อยอ่อน

“ข้า...”

“...”

ข้าก็รักท่าน” จองกุกผละออกมามองหน้าร่างสูง


ข้าก็รักท่านมากเหมือนกัน ท่านซอกจิน” 








เป็น Blood Swaet & Tears เวอร์ชั่นเต็มจริงๆค่ะ None CUT แต่ตัดออกไม่ลงฉาก 18+ ในเด็กดี 55555555 ไม่เสี่ยงโดนหิ้ว /ยิ้มแห้ง คัทเรื่องแรกที่ลงให้อ่านกัน เป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ อ่านแล้วกลับไปเม้นท์ที่  https://writer.dek-d.com/RMJHyun/writer/viewlongc.php?id=1673174&chapter=4 ได้นะคะ หรือติดแท็ก #sfBPM ก็ได้(บอกด้วยนะว่าเรื่องนี้) มีแพลนจะทำฟิคยาวของเรื่องนี้อยู่แต่ขอดูฟีดแบคด้วยเด้อออออ




ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

Say My Name 32

Say My Name 22

Say My Name 11